วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คำถาม "การบ้าน" E - TEACHER

"คำถาม"

สำหรับข้อที่มีน้อยที่สุดใน E - TEACHER คือ
ตอบ -Efficient and Effective 
         ครูที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นผู้ผลิต ผู้กระจาย และผู้ใช้ความรู้จาก e 8 ข้อข้างต้น
        เพราะว่าEfficient and Effective คือการนำ E - TEACHER ทั้ง 8 ข้อมาประยุกค์ใช้รวมกัน ซึ่งบางข้อเราก็มีความชำนาญไม่มากนัก จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีข้อนี้อย่างสมบูรณ์ ข้อนี้จึงเป็นข้อที่มีน้อยที่สุดใน E-TEACHER
แนวทางแก้ไข
       ศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ประกอบกับฝึกฝน E - TEACHER ท้ัง 9 ข้อ ให้เกิดความชำนาญมากที่สุด

วีดีโอแนะนำตัว

นางสาวศรัญญา  โพธิ์งาม
รหัสนักศึกษา 58723713326
หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิต
สาขาประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู

E - TEACHER

สัปดาห์ที่ 3 วิชา 21035203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี
"องค์ประกอบของการจการศึกษา"
-จุดมุ่งหมายทางการศึกษา
จุดมุ่งหมาย  คือจุดที่ต้องพยายามไปให้ถึงเป็นสิ่งที่หวังไว้ในอนาคต  เป็นเครื่องบอกทิศทางให้ผู้ทำงานอย่างหนึ่งพยายามไปให้ถึงจุดนั้น  เปรียบเสมือนผู้กำหนดทิศทาง  ดังนั้นจุดมุ่งหมาย  ทางการศึกษาจึงเป็นการกำหนดทิศทางของกิจกรรมทางการศึกษาให้ได้ดังที่พึงประสงค์ไว้
          การกำหนดจุดมุ่งหมายเป็นงานที่มีความสำคัญ  เพราะจุดมุ่งหมายที่กำหนดขึ้นจะเห็นแนวทางในการกำหนดเนื้อหา  การเลือกวิธีสอน  กิจกรรมการเรียนการสอน  ตลอดจนการวัดผล  จึงควร           มีลักษณะที่ชัดเจนและเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ  สิ่งที่สำคัญอยู่ตรงที่ว่าต้องรู้ให้แน่ชัดเสียตั้งแต่ต้นว่า  วิชานี้ บทนี้ จะต้องวัดอะไรบ้าง  จะต้องวัดมากน้อยอย่างละเท่าไร  และจะต้องวัดด้วยวิธีใด  ซึ่งจัดว่าเป็นสิ่งแรกที่สำคัญที่สุดของกระบวนการวัดผล  ดังนั้นการที่จะตอบคำถามดังกล่าวนั้นได้  จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงจุดมุ่งหมายของวิชา  หรือบทเรียนนั้นเสียก่อนว่าต้องการให้เกิดสิ่งใดกับผู้เรียนบ้าง  จึงจะสามารถทำการวัดได้อย่างถูกต้อง  หากพิจารณาจากกระบวนการสอนที่เรียกว่า OLE จะประกอบด้วย
                1) O = Objective                              =   จุดมุ่งหมาย
                2) L = Learning  Experience          =   การจัดประสบการณ์การเรียนการสอน
                3) E = Evaluation                             =   การประเมินผล
               ซึ่งทั้ง 3 ส่วนจะต่อเนื่องเป็นวงจรการเรียนการสอน  แสดงเป็นวงจรไว้ดังภาพ

                                                                                           


แผนภาพ  วงจรการเรียนการสอน
ที่มา : ไพฑูรย์  ลินลารัตน์  2526 : 106
                จากวงจรการเรียนการสอน  จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน มีความเกี่ยวข้องต่อเนื่องกันคือ
                1.  จุดมุ่งหมาย (Objective) การเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้  โดยเน้นที่เป้าหมายของการสอน  ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมทั้ง 3 ด้าน  ได้แก่  ด้านความรู้ความคิด (ด้านพุทธิพิสัย)  ด้านเจตคติ (ด้านจิตพิสัย) คือการได้เห็นคุณค่า  เห็นความสำคัญ  และด้านทักษะ (ด้านทักษะพิสัย) คือการปฏิบัติได้ถูกต้องตามวัย
                ดังนั้น  ในการสอนจึงต้องตั้งจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทั้ง 3 ด้าน  มิใช่เพียงด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว  จึงจะถือว่าเป็นการสอนที่สมบูรณ์  ตลอดจนมุ่งให้ผู้เรียนสามารถนำประสบการณ์ใหม่ไปใช้ได้
                2. การเรียนการสอน (Learning Experience) เป็นกิจกรรมที่สำคัญในกระบวนการทางการศึกษา  เพราะเป็นการนำหลักสูตรไปใช้ปฏิบัติให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนดไว้  คุณภาพของการศึกษาจะดีหรือไม่นั้น  การสอนเป็นสำคัญซึ่งจะทำหน้าที่พัฒนาและเสริมสร้างผู้เรียนให้เกิด  การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  และมีประสบการณ์การเรียนรู้เพิ่มขึ้น
                3. การประเมินผล (Evaluation) เป็นการติดตามผลการจัดการเรียนการสอนว่าผู้เรียนบรรลุผลมากน้อยเพียงใด  ตามธรรมชาติของผู้เรียนแต่ละคนขึ้นอยู่กับการพัฒนาทางสติปัญญาและทางร่างกาย  ซึ่งมีความแตกต่างกัน  การประเมินผลการเรียนจะเชื่อมโยงกับจุดมุ่งหมายทางการศึกษาและวิธีการเรียน  การสอน  กล่าวคือ  ผู้สอนมักจะตั้งความหวังก่อนสอนว่าต้องการจะให้ผู้เรียนรู้อะไร  เกิดพฤติกรรมอะไร  หรือทำอะไรได้บ้าง  ซึ่งความหวังนี้เรียกว่า  จุดมุ่งหมายทางการศึกษา  ซึ่งมี 3 ด้าน  คือ  พุทธิพิสัย  จิตพิสัย  และทักษะพิสัย  วิธีการวัดและประเมินผลจึงต้องเกี่ยวพันกับจุดมุ่งหมายการศึกษา
                ดังนั้นครูหรือผู้ประเมินต้องสามารถตีความหมายของจุดมุ่งหมายรายวิชานั้น ๆ ให้ถูกต้อง  ครอบคลุมและชัดเจน  จึงจะสามารถวัดและประเมินได้ตรงกับสิ่งที่ต้องการ  แต่ปัญหาที่มักพบในทางปฏิบัติ  คือ จากจุดมุ่งหมายของรายวิชาเดียวกัน  ครูผู้สอนแต่ละคนมักจะตีความต่างกันไป  โดยเฉพาะในแง่ของขอบข่าย  อันส่งผลให้การดำเนินการสอนและการสอบวัดในประเด็นที่แตกต่างกันไป
ที่มา http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit3/level3-1.html


E - TEACHER


ที่มาhttp://support.spca.bc.ca/images/content/pagebuilder/eTeacher_Banner.jpg

          ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน โดยการน าเทคโนโลยีมาช่วยการ จัดการเรียนการสอน หรือที่เรียกว่า การจัดการเรียนการสอนแบบ e – learning แต่อาจเป็น รูปแบบที่ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาไม่คุ้นเคย ไม่ช านาญ โดยเฉพาะในสถานศึกษา รร. เหล่า สายวิทยาการและหน่วยจัดการศึกษาของ ทบ
           ดังนั้นเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนแบบ e– learning ในสถานศึกษาและ รร.เหล่า สายวิทยาการ และหน่วยจัดการศึกษาของ ทบ. มีประสิทธิภาพ และ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในส่วนครู อาจารย์ และ บุคลากรทางการศึกษา ผู้เรียน/ ผู้เข้ารับการศึกษา และ สถาบันการศึกษา สถานศึกษาจึงจ าเป็นต้องมีการจัดการที่เป็น ระบบและครบในทุกมิติโดยเฉพาะในมิติของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมีการพูดถึงหรือกล่าวถึง น้อยที่สุดแต่ส าคัญที่สุด 
           การจะเปลี่ยนแปลงครูคนหนึ่งจากระบบการเรียนการสอนแบบเดิมให้เข้าสู่การเรียนการ สอนแบบ e–learning นั้นต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะครูทหาร ดังนั้นสถานศึกษา รร.เหล่า สายวิทยาการและหน่วยจัดการศึกษาของ ทบ. ต้องมีการ เตรียมความพร้อม ให้กับครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาของตนเองให้พร้อมเป็นล าดับแรก ในการเป็น e – teacher เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนแบบ e–learning ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          ก็คือครูในยุคอิเล็กทรอนิกส์ ที่อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 

บทบาทของ e – teacher ประกอบด้วย 2 ส่วน 
          คือ ส่วนที่ 1 ครูท าหน้าที่ วางแผน ออกแบบ ด าเนินการจัดกิจกรรมที่หลากหลายและ จัดเตรียมแหล่งเรียนรู้ให้เพียงพอ รวมทั้งจัดการประเมินผลอย่างชัดเจนได้มาตรฐาน ส่วนที่ 2 ครูเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารเป็นสื่อในการ จัดการเรียนรู้ 
ลักษณะของ e – teacher สรุปได้ 9 ประการ ดังนี้ 
1. Experience ครูควรสร้างสรรค์และเรียนรู้การใช้เครื่องมือ/เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Internet 
2. Extended ครูควรค้นหาความรู้ตลอดเวลา มีการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในการค้นคว้า หาความรู้ด้วยเทคโนโลยี 
3. Expanded ครูควรขยายผลความรู้ เพื่อให้เกิดการเพิ่มพูนความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ชุมชนโดยรวม 
4. Exploration ครูควรค้นคว้าและเลือกเนื้อหาสาระ เอกสารหลักฐานอ้างอิง ที่ทันสมัย เพื่อให้เกิด ความคิดสร้างสรรค์ในการน ามาพัฒนาการจัดการเรียนการสอน 
5. Evaluation ครูควรเป็นนักประเมินที่ดี มีการน าเทคโนโลยีมาใช้ในการประเมินผล และให้ เหมาะสมกับรูปแบบการเรียน เพราะไม่ใช่ทุกเทคโนโลยีจะใช้ได้กับการเรียนทุก รูปแบบ 
6. End – User ครูควรเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีได้อย่างหลากหลายและสามารถเป็นผู้ใช้ปลายทางที่ดี เช่น สามารถ Browse ไป Web Site ได้ เป็นต้น 
7. Enabler ครูควรสามารถน าเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ มาใช้ในการสร้างบทเรียน สื่อ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้กับผู้เรียนมากขึ้น 
8. Engagement เป็นลักษณะครูที่ให้ความร่วมมือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้เกิดความคิดใหม่ ๆ 
9. Efficient and Effective ครูที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นผู้ผลิต ผู้กระจาย และผู้ใช้ความรู้จาก e 8 ข้อข้างต้น 
                   การปรับบทบาทและพัฒนาครูให้เป็น e – teacher อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีความจ าเป็นอย่างยิ่ง กับสภาวการณ์ในปัจจุบัน และเป็นกลไกส าคัญในการปฏิรูปการศึกษาให้ประสบความส าเร็จ 
                    ดังนั้นการท าครู ให้เป็น e - teacher ไม่จ าเป็นต้องต้องหมายถึงครูคนเดียว แต่อาจเป็น การท างานเป็นทีมระหว่างครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ที่อาศัยศักยภาพของแต่ละคนมา ร่วมกันท างาน โดยแต่ละคนในทีมเป็น e - teacher ทั้งนั้น เพียงแต่คนก็แสดงบทบาทในส่วนของ ตนเองที่แตกต่างกัน ทีมอาจจะประกอบไปด้วยสมาชิก 2 – 4 คน ก็เพียงพอที่จะจัดการเรียนการสอน แบบ e – learning ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถานศึกษาจะต้องวิเคราะห์ว่าในการจัดการเรียนการสอนครู อาจารย์ ขาดองค์ประกอบ ในเรื่องใดบ้าง เช่นขาดความรู้ความสามารถในด้านเทคโนโลยี สถานศึกษาก็จ าเป็นต้องเพิ่มเติมในส่วนนี้ มิใช่จัดการอบรม e - teacher ให้ครูแต่ละคนไปด าเนินการกันเอง

เอกสารอ้างอิง " อีครู.". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.academia.edu/4351116 / e -Teachers 2546 
                        " เก้าส าคัญสู่ E – Teacher ". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.hu.ac.th/academic/ general article / e – teacher.html


วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"กรวยประสบการณ์"

สัปดาห์ที่ 2 วิชา 21035203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี

"กรวยประสบการณ์"





"Learning Pyramid"

สัปดาห์ที่ 2 วิชา 21035203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี

"Learning Pyramid"

พีรมิดแห่งการเรียนรู้








"การสื่อสารกับการเรียนการสอน"

สัปดาห์ที่ 2 วิชา 21035203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี

"การสื่อสารกับการเรียนการสอน"


การเรียนรู้

ทฤษฎีการเรียนรู้ (อังกฤษlearning theory) การเรียนรู้คือกระบวนการที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความคิด คนสามารถเรียนได้จากการได้ยินการสัมผัส การอ่าน การใช้เทคโนโลยี การเรียนรู้ของเด็กและผู้ใหญ่จะต่างกัน เด็กจะเรียนรู้ด้วยการเรียนในห้อง การซักถาม ผู้ใหญ่มักเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่การเรียนรู้จะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผู้สอนนำเสนอ โดยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ผู้สอนจะเป็นผู้ที่สร้างบรรยากาศทางจิตวิทยาที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ ที่จะให้เกิดขึ้นเป็นรูปแบบใดก็ได้เช่น ความเป็นกันเอง ความเข้มงวดกวดขัน หรือความไม่มีระเบียบวินัย สิ่งเหล่านี้ผู้สอนจะเป็นผู้สร้างเงื่อนไข และสถานการณ์เรียนรู้ให้กับผู้เรียน ดังนั้น ผู้สอนจะต้องพิจารณาเลือกรูปแบบการสอน รวมทั้งการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน

การสอน

การสอน คือ การถ่ายทอดความรู้ ทักษะกระบวนการ เจตคติ ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และมวลประสบการณ์ของผู้สอนให้แก่ผู้เรียน ซึ่งในปัจจุบันเป็นยุคของการปฏิรูปการเรียนรู้ ผู้สอนจึงเปลี่ยนบทบาทจากการสอนมาเป็น การจัดการเรียนรู้ และผู้อำนวยความสะดวก

"Education Learning"

สัปดาห์ที่ 2 วิชา 21035203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี

Education Learning

หลักการแนวคิด

- ทฤษฎีทางจิตวิทยาการศึกษา
- ทฤษฎีการสื่อสาร
- ทฤษฎีระบบ
- ทฤษฎีการผยแพร่ 


" TEACHERS "

สัปดาห์ที่ 1 วิชา 21035203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี

" TEACHERS "


T = Teaching   
       หมายถึง ครูทำหน้าที่สอนและถ่ายทอดความรู้

E = Ethic         
       หมายถึง ครูเป็นผู้มีคุณธรรม มีเมตตาธรรมประจำใจ

A = Academic 
       หมายถึง ครูที่เป็นนักวิชาการที่มีความรอบรู้และใฝ่หาความรู้อยู่เป็นนิจ

C = Cultural Heritage   
       หมายถึง ครูเป็นผู้รู้คุณค่าของขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของชาติ   และทำหน้าที่ถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมดังกล่าวไปสู่คนรุ่นหลัง

H = Human Relationship   
       หมายถึง ครูเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และเป็นผู้มีสุขภาพที่ดี

E = Evaluation   
       หมายถึง ครูคือผู้รู้และเข้าใจเรื่องการวัดและประเมินผลเป็นอย่างดี เพราะการวัดและประเมินผลนั้น ครูต้องใช้อยู่ตลอดเวลาในกระบวนการเรียนการสอน

R = Research
       หมายถึง ครูคือผู้ค้นคว้าวิจัยเพื่อหาความรู้ใหม่ๆ และสามารถนำผลวิจัยที่ผู้อื่นทำไว้แล้วไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน

S = Service 
       หมายถึง ครูคือผู้ให้บริการด้านอื่นนอกเหนือจากการสอน เช่น บริการแนะแนว บริการด้านสวัสดิการในโรงเรียน รวมถึงการบริการทางวิชาการแก่ชุมชนอีกด้วย