วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

E - TEACHER

สัปดาห์ที่ 3 วิชา 21035203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

ผู้สอน อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี
"องค์ประกอบของการจการศึกษา"
-จุดมุ่งหมายทางการศึกษา
จุดมุ่งหมาย  คือจุดที่ต้องพยายามไปให้ถึงเป็นสิ่งที่หวังไว้ในอนาคต  เป็นเครื่องบอกทิศทางให้ผู้ทำงานอย่างหนึ่งพยายามไปให้ถึงจุดนั้น  เปรียบเสมือนผู้กำหนดทิศทาง  ดังนั้นจุดมุ่งหมาย  ทางการศึกษาจึงเป็นการกำหนดทิศทางของกิจกรรมทางการศึกษาให้ได้ดังที่พึงประสงค์ไว้
          การกำหนดจุดมุ่งหมายเป็นงานที่มีความสำคัญ  เพราะจุดมุ่งหมายที่กำหนดขึ้นจะเห็นแนวทางในการกำหนดเนื้อหา  การเลือกวิธีสอน  กิจกรรมการเรียนการสอน  ตลอดจนการวัดผล  จึงควร           มีลักษณะที่ชัดเจนและเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ  สิ่งที่สำคัญอยู่ตรงที่ว่าต้องรู้ให้แน่ชัดเสียตั้งแต่ต้นว่า  วิชานี้ บทนี้ จะต้องวัดอะไรบ้าง  จะต้องวัดมากน้อยอย่างละเท่าไร  และจะต้องวัดด้วยวิธีใด  ซึ่งจัดว่าเป็นสิ่งแรกที่สำคัญที่สุดของกระบวนการวัดผล  ดังนั้นการที่จะตอบคำถามดังกล่าวนั้นได้  จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงจุดมุ่งหมายของวิชา  หรือบทเรียนนั้นเสียก่อนว่าต้องการให้เกิดสิ่งใดกับผู้เรียนบ้าง  จึงจะสามารถทำการวัดได้อย่างถูกต้อง  หากพิจารณาจากกระบวนการสอนที่เรียกว่า OLE จะประกอบด้วย
                1) O = Objective                              =   จุดมุ่งหมาย
                2) L = Learning  Experience          =   การจัดประสบการณ์การเรียนการสอน
                3) E = Evaluation                             =   การประเมินผล
               ซึ่งทั้ง 3 ส่วนจะต่อเนื่องเป็นวงจรการเรียนการสอน  แสดงเป็นวงจรไว้ดังภาพ

                                                                                           


แผนภาพ  วงจรการเรียนการสอน
ที่มา : ไพฑูรย์  ลินลารัตน์  2526 : 106
                จากวงจรการเรียนการสอน  จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน มีความเกี่ยวข้องต่อเนื่องกันคือ
                1.  จุดมุ่งหมาย (Objective) การเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้  โดยเน้นที่เป้าหมายของการสอน  ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมทั้ง 3 ด้าน  ได้แก่  ด้านความรู้ความคิด (ด้านพุทธิพิสัย)  ด้านเจตคติ (ด้านจิตพิสัย) คือการได้เห็นคุณค่า  เห็นความสำคัญ  และด้านทักษะ (ด้านทักษะพิสัย) คือการปฏิบัติได้ถูกต้องตามวัย
                ดังนั้น  ในการสอนจึงต้องตั้งจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทั้ง 3 ด้าน  มิใช่เพียงด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว  จึงจะถือว่าเป็นการสอนที่สมบูรณ์  ตลอดจนมุ่งให้ผู้เรียนสามารถนำประสบการณ์ใหม่ไปใช้ได้
                2. การเรียนการสอน (Learning Experience) เป็นกิจกรรมที่สำคัญในกระบวนการทางการศึกษา  เพราะเป็นการนำหลักสูตรไปใช้ปฏิบัติให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนดไว้  คุณภาพของการศึกษาจะดีหรือไม่นั้น  การสอนเป็นสำคัญซึ่งจะทำหน้าที่พัฒนาและเสริมสร้างผู้เรียนให้เกิด  การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  และมีประสบการณ์การเรียนรู้เพิ่มขึ้น
                3. การประเมินผล (Evaluation) เป็นการติดตามผลการจัดการเรียนการสอนว่าผู้เรียนบรรลุผลมากน้อยเพียงใด  ตามธรรมชาติของผู้เรียนแต่ละคนขึ้นอยู่กับการพัฒนาทางสติปัญญาและทางร่างกาย  ซึ่งมีความแตกต่างกัน  การประเมินผลการเรียนจะเชื่อมโยงกับจุดมุ่งหมายทางการศึกษาและวิธีการเรียน  การสอน  กล่าวคือ  ผู้สอนมักจะตั้งความหวังก่อนสอนว่าต้องการจะให้ผู้เรียนรู้อะไร  เกิดพฤติกรรมอะไร  หรือทำอะไรได้บ้าง  ซึ่งความหวังนี้เรียกว่า  จุดมุ่งหมายทางการศึกษา  ซึ่งมี 3 ด้าน  คือ  พุทธิพิสัย  จิตพิสัย  และทักษะพิสัย  วิธีการวัดและประเมินผลจึงต้องเกี่ยวพันกับจุดมุ่งหมายการศึกษา
                ดังนั้นครูหรือผู้ประเมินต้องสามารถตีความหมายของจุดมุ่งหมายรายวิชานั้น ๆ ให้ถูกต้อง  ครอบคลุมและชัดเจน  จึงจะสามารถวัดและประเมินได้ตรงกับสิ่งที่ต้องการ  แต่ปัญหาที่มักพบในทางปฏิบัติ  คือ จากจุดมุ่งหมายของรายวิชาเดียวกัน  ครูผู้สอนแต่ละคนมักจะตีความต่างกันไป  โดยเฉพาะในแง่ของขอบข่าย  อันส่งผลให้การดำเนินการสอนและการสอบวัดในประเด็นที่แตกต่างกันไป
ที่มา http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit3/level3-1.html


E - TEACHER


ที่มาhttp://support.spca.bc.ca/images/content/pagebuilder/eTeacher_Banner.jpg

          ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน โดยการน าเทคโนโลยีมาช่วยการ จัดการเรียนการสอน หรือที่เรียกว่า การจัดการเรียนการสอนแบบ e – learning แต่อาจเป็น รูปแบบที่ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาไม่คุ้นเคย ไม่ช านาญ โดยเฉพาะในสถานศึกษา รร. เหล่า สายวิทยาการและหน่วยจัดการศึกษาของ ทบ
           ดังนั้นเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนแบบ e– learning ในสถานศึกษาและ รร.เหล่า สายวิทยาการ และหน่วยจัดการศึกษาของ ทบ. มีประสิทธิภาพ และ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในส่วนครู อาจารย์ และ บุคลากรทางการศึกษา ผู้เรียน/ ผู้เข้ารับการศึกษา และ สถาบันการศึกษา สถานศึกษาจึงจ าเป็นต้องมีการจัดการที่เป็น ระบบและครบในทุกมิติโดยเฉพาะในมิติของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมีการพูดถึงหรือกล่าวถึง น้อยที่สุดแต่ส าคัญที่สุด 
           การจะเปลี่ยนแปลงครูคนหนึ่งจากระบบการเรียนการสอนแบบเดิมให้เข้าสู่การเรียนการ สอนแบบ e–learning นั้นต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะครูทหาร ดังนั้นสถานศึกษา รร.เหล่า สายวิทยาการและหน่วยจัดการศึกษาของ ทบ. ต้องมีการ เตรียมความพร้อม ให้กับครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาของตนเองให้พร้อมเป็นล าดับแรก ในการเป็น e – teacher เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนแบบ e–learning ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          ก็คือครูในยุคอิเล็กทรอนิกส์ ที่อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 

บทบาทของ e – teacher ประกอบด้วย 2 ส่วน 
          คือ ส่วนที่ 1 ครูท าหน้าที่ วางแผน ออกแบบ ด าเนินการจัดกิจกรรมที่หลากหลายและ จัดเตรียมแหล่งเรียนรู้ให้เพียงพอ รวมทั้งจัดการประเมินผลอย่างชัดเจนได้มาตรฐาน ส่วนที่ 2 ครูเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารเป็นสื่อในการ จัดการเรียนรู้ 
ลักษณะของ e – teacher สรุปได้ 9 ประการ ดังนี้ 
1. Experience ครูควรสร้างสรรค์และเรียนรู้การใช้เครื่องมือ/เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Internet 
2. Extended ครูควรค้นหาความรู้ตลอดเวลา มีการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในการค้นคว้า หาความรู้ด้วยเทคโนโลยี 
3. Expanded ครูควรขยายผลความรู้ เพื่อให้เกิดการเพิ่มพูนความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ชุมชนโดยรวม 
4. Exploration ครูควรค้นคว้าและเลือกเนื้อหาสาระ เอกสารหลักฐานอ้างอิง ที่ทันสมัย เพื่อให้เกิด ความคิดสร้างสรรค์ในการน ามาพัฒนาการจัดการเรียนการสอน 
5. Evaluation ครูควรเป็นนักประเมินที่ดี มีการน าเทคโนโลยีมาใช้ในการประเมินผล และให้ เหมาะสมกับรูปแบบการเรียน เพราะไม่ใช่ทุกเทคโนโลยีจะใช้ได้กับการเรียนทุก รูปแบบ 
6. End – User ครูควรเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีได้อย่างหลากหลายและสามารถเป็นผู้ใช้ปลายทางที่ดี เช่น สามารถ Browse ไป Web Site ได้ เป็นต้น 
7. Enabler ครูควรสามารถน าเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ มาใช้ในการสร้างบทเรียน สื่อ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้กับผู้เรียนมากขึ้น 
8. Engagement เป็นลักษณะครูที่ให้ความร่วมมือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้เกิดความคิดใหม่ ๆ 
9. Efficient and Effective ครูที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นผู้ผลิต ผู้กระจาย และผู้ใช้ความรู้จาก e 8 ข้อข้างต้น 
                   การปรับบทบาทและพัฒนาครูให้เป็น e – teacher อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีความจ าเป็นอย่างยิ่ง กับสภาวการณ์ในปัจจุบัน และเป็นกลไกส าคัญในการปฏิรูปการศึกษาให้ประสบความส าเร็จ 
                    ดังนั้นการท าครู ให้เป็น e - teacher ไม่จ าเป็นต้องต้องหมายถึงครูคนเดียว แต่อาจเป็น การท างานเป็นทีมระหว่างครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ที่อาศัยศักยภาพของแต่ละคนมา ร่วมกันท างาน โดยแต่ละคนในทีมเป็น e - teacher ทั้งนั้น เพียงแต่คนก็แสดงบทบาทในส่วนของ ตนเองที่แตกต่างกัน ทีมอาจจะประกอบไปด้วยสมาชิก 2 – 4 คน ก็เพียงพอที่จะจัดการเรียนการสอน แบบ e – learning ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถานศึกษาจะต้องวิเคราะห์ว่าในการจัดการเรียนการสอนครู อาจารย์ ขาดองค์ประกอบ ในเรื่องใดบ้าง เช่นขาดความรู้ความสามารถในด้านเทคโนโลยี สถานศึกษาก็จ าเป็นต้องเพิ่มเติมในส่วนนี้ มิใช่จัดการอบรม e - teacher ให้ครูแต่ละคนไปด าเนินการกันเอง

เอกสารอ้างอิง " อีครู.". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.academia.edu/4351116 / e -Teachers 2546 
                        " เก้าส าคัญสู่ E – Teacher ". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.hu.ac.th/academic/ general article / e – teacher.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น